เว็บลิ้งค์ชมรมต่างๆ

เว็บไซต์วัดเกจิดังในสยาม
วัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี
วัดหนองป่าพง จ. อุบลฯ
วัดเขาแหลม จ. สระแก้ว
หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
วัดหัวป่า อ. ระโนด จ. สงขลา
วัดแก้วโกรวาราม จ. กระบี่
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
หลวงสมชาย วัดเขาสุกิม
ป้อนหมายเลขสิ่งของ


***พิมพ์หมายเลขสิ่งของจำนวน 13 หลัก

รายละเอียดเพิ่มเติม

  หน้าหลัก  :  อดีตสู่ปัจจุบัน  :  เว็บบอร์ดชมรม  :  ตารางประกวดพระ  :  สาระน่ารู้  :  เล่าสู่กันฟัง  :  ติดต่อเรา
พระเครื่องเมืองใต้: ทำบุญไหว้พระ
ล่องใต้ ไปแล ‘เมืองลิกอร์’ ณ นครศรีธรรมราช
11-03-2010 Views: 5843
 

พระบรมธาตุเมืองนครโดดเด่นเหนือหมู่เจดีย์ราย

คนใจใฝ่ธรรมะอย่าง“ตะลอนเที่ยว” ลงเที่ยวเมืองใต้ ก็ได้โคจรมาเยือนดินแดนแห่งพุทธศาสน์เมืองใต้อย่างเมืองนครศรีธรรมราชแห่งนี้อีกครา แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจไว้ว่า เข้าไปไหว้พระบรมธาตุเมืองนคร ภายใน”วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร”เป็นการเรียบร้อยแล้ว จะตระเวนทัวร์นอกตัวเมืองคอนทันที
       
       แต่เพิ่งมาแจ้งแก่ใจตัวว่า เข้าเมืองคอนครั้งใด ก็ยังๆไม่เคยสัมผัสเสน่ห์ในเมืองอย่างเต็มๆเป็นล่ำเป็นสัน ดังนั้นก่อนที่คิดจะผลีผลามไปเที่ยวนอกเมือง เลยเปลี่ยนแปรเป็นเที่ยวเบาๆภายในเมืองแทน


ยามค่ำคืนของพระบรมธาตุเมืองนคร

มงกุฎเมืองลิกอร์
       
       เริ่มต้นกับเป้าหมายหลักที่ตั้งใจไว้ มาเมืองคอนทีไร ต้องแวะไปกราบไหว้บูชาทุกครั้ง ที่ “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร” วัดที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวเมืองนครศรีธรรมราช ที่ชาวบ้านนิยมเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น วัดพระธาตุ วัดพระมหาธาตุ ที่มีฐานะเป็นอารามหลวงชั้นเอกชนิด วรมหาวิหาร สันนิษฐานว่าสร้างในปี พ.ศ. 854 ด้วยศิลปะแบบศรีวิชัย
       
       ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตริมถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง บนเนื้อที่จำนวน 25 ไร่ 2 งาน ทำให้ภายในวัดแห่งนี้มากด้วยสรรพสิ่งชวนมอง ความโดดเด่นอันดับแรกที่เราจะสัมผัสได้ตั้งแต่ยังไม่ทันย่างกรายเข้าภายในบริเวณวัดเสียด้วยซ้ำก็คือ ความยิ่งใหญ่ของ “พระบรมธาตุเจดีย์” ซึ่งเป็นพระเจดีย์บรรจุบรมสารีริกธาตุ สัญลักษณ์ของเมืองนคร อันเปรียบประดุจมงกุฏแห่งเมือง


บันไดทางขึ้นสู่พระบรมธาตุที่มีเหล่าผู้ปกปักรักษาอยู่

   พระบรมธาตุเจดีย์ที่ปรากฏในปัจจุบันนี้ เป็นทรงลังกาหรือระฆังคว่ำบ้างก็ว่าโอคว่ำ (โอ คือ ภาชนะเครื่องสานอย่างหนึ่งสำหรับใส่ของรูปร่างคล้ายขัน) หรือ ระฆังคว่ำ
       
       สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับองค์พระบรมธาตุเจดีย์ สูง 55.78 เมตร มีปล้องไฉน 52 ปล้อง ยอดของปล้องไฉนหุ้มทองคำเหลืองอร่าม สูง 6 วา 1 ศอก ส่วนรอบพระบรมมหาธาตุเจดีย์ มีเจดีย์รายรอบถึง 158 องค์ เยอะเอาการทีเดียว
       
       ตำนานเมืองนครเล่าสืบต่อกันมาว่า เจ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าชายทนทกุมารขณะที่อัญเชิญพระธาตุไปเมืองลังกานั้น เผอิญเจอพายุหนักจนเรือสำเภาแตก ทำให้ทั้งสองพระองค์มาเกยขึ้นฝั่งบริเวณหาดทรายแก้ว(บริเวณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร) จึงฝังพระทนตธาตุ (พระเขี้ยวแก้วเบื้องซ้าย) ไว้ส่วนหนึ่ง สร้างเจดีย์เล็กๆ ครอบไว้เป็นเครื่องหมาย ก่อนจะเสด็จต่อไปที่เมืองลังกา ครั้งพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชได้ย้ายมาสร้างเมืองใหม่ที่หาดทรายแก้ว ประมาณปีพ.ศ.1770 ทรงทราบเรื่องจากตำนานดังกล่าว จึงให้อัญเชิญพระทันตธาตุมาประดิษฐานในพระบรมธาตุเจดีย์องค์ใหญ่เพื่อเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรนี้


ภาพยนต์ที่ตั้งอยู่ด้านขวามือของทางขึ้น

นอกเหนือจากพระบรมธาตุอันเป็นที่เคารพบูชาแล้ว ถ้าไม่เอ่ยถึงต้นตำรับของ “จตุคามรามเทพ” ก็มิอาจเรียกได้ว่าได้มาถึงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
       
       รูปปั้นเทวดาลอยตัวทั้งสององค์ ลักษณะทรงเครื่องกษัตริย์นั่งชันเข่าขวาขึ้นตั้ง ขาซ้ายวางราบ เรียกว่าท่ามหาราชลีลา อันเป็นท่านั่งของผู้สูงศักดิ์ อยู่ทางด้านรอยพระพุทธบาทจำลอง มีชื่อว่า “ท้าวขัตตุคาม” คู่กับ “ท้าวรามเทพ” นั่งเป็นศรีสง่าอยู่บริเวณทางขึ้นสู่พระบรมธาตุ
       
       ที่ด้านข้างมีเทวรูป 4 กรอยู่ด้วย คือพระหลักเมือง พระทรงเมือง ส่วนประตูไม้จำหลักที่งดงามประณีตเป็นรูปพระทวารบาล ได้แก่ พระพรหมและพระนารายณ์ อยู่ในวิหารพระทรงม้าเป็นรูปเจ้าชายสิทธัตถะทรงม้าเสด็จออกบรรพชา หรือที่เรียกว่า “เสด็จออกมหาภิเนษกรม” ศิลปะสมัยอยุธยาตอนกลาง


ศาลหลักเมืองนคร

 รายรอบเชิงบันไดด้านล่างยังมีเหล่า “ภาพยนต์” (หุ่นที่ผูกขึ้นด้วยฟ่อนหญ้าแล้วปลุกเสกด้วยเวทมนต์คาถา)ผู้ปกปักรักษาพระบรมธาตุ เป็นงานปูนปั้นลอยตัวตามตำนานระบุว่า “เจ้ากากภาษาผูกภาพยนต์ด้วยเวทมนต์คาถาเป็นยักษ์ครุฑ นาค สิงห์ โค ม้าและช้าง” ประกอบด้วย ยักษ์คู่ คือ ท้างเวฬุราชและท้าวเวชสุวรรณ ครุฑคู่ คือ ท้าววิรุฬปักษ์และท้าววิรุฬหก นาคคู่ คือ ท้าวทตตรฐมหาราช
       
       ภายในวัดยังมีวิหารสำคัญอีกหลายแห่งให้เราได้เดินชมสักการะทั้ง “วิหารสามจอม” สักการะพระพุทธรูปปางมารวิชัยเครื่องอย่างกษัตริย์โบราณ คือ “พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช” ประดิษฐานในตู้กระจกใหญ่ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งของไทย
       
       “วิหารทับเกษตร” เป็นส่วนที่ทางวัดอนุญาตให้จุดธูปเทียนสักการบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ วิหารนี้เป็นส่วนที่สร้างคลุมฐานของพระบรมธาตุเจดีย์ไว้ เป็นพระวิหารที่เชื่อว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ.2312
       
       และสิ่งน่าสนใจอื่นที่ต่างก็มากไปด้วยคุณค่าทางศิลปกรรมและทางประวัติศาสตร์ อาทิ พระวิหารหลวง พระระเบียงตีนธาตุ วิหารเขียน วิหารโพธิ์ลังกา ที่นี่จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ที่คนมาเมืองนครจะพลาดการมาเยือนไม่ได้


ด้านหน้าหอพระอิศวร

แลเมืองลิกอร์
       
       ถ้าจะมีใครถาม “ตะลอนเที่ยว” ว่าเมืองใดมีชื่อเรียกเมืองมากที่สุด “ตะลอนเที่ยว” คงยกให้เมืองนครจัดลำดับอยู่ในอันดับต้นๆเป็นแน่ เอาชื่อมีพอคุ้นหูกันก่อน ก็ต้อง ตามพรลิงค์ ไล่เรื่อยต่อทั้งกะมะลิง มัทธมาลิงคัม ตมลิงคาม เต็งหลิวมาย
       
       เรียกแบบโปรตุเกสก็ต้อง “ลิกอร์” เป็นการออกเสียงจากเมืองนครฯ กลายเป็นเมืองละคร ฝรั่งเข้ามาเรียกไม่ชัดกลายเป็นลิกอร์ จากนั้นมาจนถึงปัจจุบัน คนใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ของไทย รวมไปถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ยังคงเรียกจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า “ลิกอร์”หรือ “ละกอร์”
       
       ในเมืองลิกอร์แห่งนี้ จากวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ห่างออกไปไม่ไกล เป็นที่ตั้งของ “หอพระพุทธสิหิงค์” เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปสำคัญหนึ่งในสามองค์ที่มีอยู่ในประเทศไทย อีกสององค์ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทธไธศวรรย์พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนครและวัดพระสิงค์ จังหวัดเชียงใหม่


เสาชิงช้าภายในหอพระอิศวร

กล่าวกันว่าพระมหากษัตริย์แห่งลังกา โปรดเกล้าให้สร้างขึ้นในปีพ.ศ.700 แล้วอัญเชิญมายังแผ่นดินสยามในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นพระพุทธรูปที่มีศิลปกรรมอยู่ในตระกูลช่างแบบนครศรีธรรมราช หรือ ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “แบบขนมต้ม” เป็นพระพุทธรูปที่งดงามมากองค์หนึ่ง พระพักตร์กลมอมยิ้ม พระอุระอวบอ้วน ประทับนั่งในท่าขัดสมาธิเพชร
       
       และใกล้ๆกันบนเส้นถนนราชดำเนิน ยังเป็นที่ตั้งของ “หอพระอิศวร” ด้านใต้ในบริเวณเดียวกันเป็นเสาชิงช้า แต่เดิมมีโบสถ์พราหมณ์อยู่บริเวณเสาชิงช้าด้วย แต่ต้องนี้ปรักหักพังไปหมดแล้ว ใช้พิธีตรียัมปวายและยัมปวาย เป็นโบราณสถานในศาสนาฮินดู
       
       เป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของพระอิศวร สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยา แต่ของเดิมชำรุดอาคารปัจจุบันเป็นอาคารที่กรมศิลปากรสร้างขึ้นใหม่ในปีพ.ศ.2509 และฐานโยนีรวมทั้งเทวรูปสำริดจำลองจากองค์จริงที่เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช

     

เก๋งจีนวัดแจ้ง (ซ้าย) เก๋งจีนวัดประดู่ (ขวา)

 ส่วนอีกฟากฝั่งของถนนตรงข้ามกับหอพระอิศวร เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระนารายณ์ เรียกกันว่า “หอพระนารายณ์” ซึ่งจำลองจากองค์จริงในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช ซึ่งพบในแหล่งโบราณคดีแถบอำเภอสิชล มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10-11 เทวรูปพระนารายณ์จำลององค์นี้สลักจากหินทรายสีเทา ทรงมาลากระบอกพระหัตถ์ขวาทรงสังข์
       
       เมืองนครศรีธรรมราชเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ทำให้ “ตะลอนเที่ยว” เล็งเห็นว่าศาสนาทุกศาสนาอยู่ร่วมกันได้ฉันท์มิตร ยอกตัวอย่างง่ายๆ เพียงแค่บนเส้นถนนราชดำเนินถนนสายหลักสายสำคัญของเมืองคอนเพียงเส้นเดียวก็เป็นที่ตั้งของวัดพุทธ โบสถ์พราหมณ์ และมัสยิดหลายแห่งตั้งอยู่บนเส้นทางเดียวกัน
       
       สถานที่ท่องเที่ยวที่พาทัวร์ในครั้งนี้ ตั้งอยู่บนเส้นถนนราชดำเนินเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งจึงสามารถเดินเที่ยวชมได้ตลอดเส้นทาง แต่ถ้าเป็นคนเมื่อยง่ายขี้คร้านจะเดินทาง เมืองนครฯเขาก็มีบริการนั่งรถรางชมเมือง พร้อมกับมัคคุเทศก์ไว้บรรยายถึงความเป็นมาและความสำคัญของแต่ละแห่งให้ฟัง
       
       มาเยือนหัวใจของเมืองกันดีกว่า ที่ “ศาลหลักเมือง” ประดิษฐานอยู่บริเวณทิศเหนือของสนามหน้าเมือง ใกล้กับหอพระสูง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2530 เพื่อให้เป็นสถานที่เคารพสักการะของชาวเมืองอีกแห่งหนึ่ง ในช่วงกระแสจตุคามฟีเว่อร์ ที่ศาลหลักเมืองแห่งนี้ถือเป็น 1 ใน 2 สถานที่สำคัญเช่นเดียวกับวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่หากว่าวัตถุมงคลจตุคามได้มาผ่านพิธีปลุกเสกที่นี่ก็จะสร้างความขลังและศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น

ด้านนอกประกอบไปด้วยอาคาร 5 หลัง มีอาคารประธานเป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมือง ออกแบบเป็นทรงเหมราชลีลาในศิลปะศรีวิชัย มีอาคารเล็กทั้งสี่หลัง เป็นบริวารสี่ทิศ เรียกว่าศาลจตุโลกเทพ ประกอบด้วยศาลพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระพรหมเมือง และศาลพรบันดาลเมือง
       
       ด้านในอาคารประธานเป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมืองทำจากไม้ตะเคียนทอง มีการแกะสลักลวดลายต่างๆอย่างสวยงามไล่ตั้งแต่ส่วนฐานขึ้นไปเป็นวงรอบเก้าชั้น จำนวน 9 ลาย ส่วนยอดหลักเมือง แกะสลักเป็นรูปพรหมสี่หน้าใหญ่และเล็ก
       
       การจะดูความยิ่งใหญ่ของเมืองใดนั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องชี้บอกสำหรับ “ตะลอนเที่ยว” คือมองดู “กำแพงเมือง”แล้วจะเห็นความรุ่งโรจน์ของเมืองได้อย่างเด่นชัด สำหรับกำแพงเมืองนครฯ เดิมก่ออิฐถือปูนทั้งสี่ด้าน มีเชิงเทียน ใบเสมา และป้อมที่มีมุมกำแพงทั้งสี่มุม
       
       ตามตำนานกล่าวว่า กำแพงเมืองชั้นแรกสุดนั้น สร้างในสมัยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชโดยเป็นกำแพงดิน ผู้สร้างคือชาวอินเดียและมอญฝ่ายใต้
       
       กำแพงด้านเหนือและด้านใต้มีประตูเมือง คือ ประตูชัยเหนือ และประตูชัยใต้ ขนาดของเมืองวัดตามแนวกำแพงเมืองยาว 2,238.50 ม. กว้าง 456.50 ม. กำแพงเมืองได้รับการบูรณะครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ.2533 ปัจจุบันแนวกำแพงเมืองที่หลงเหลืออยู่เป็นแนวขนานไปกับคูเมืองตั้งแต่ประตูชัยเหนือไปทางทิศตะวันออกยาวประมาณ 100 ม. และเส้นถนนราชดำเนินก็คือแนวกำแพงเมืองเก่า


พระพุทธสิหิงค์เมืองนคร

   “ตะลอนเที่ยว” ตะลอนทัวร์จนเหนื่อย จึงหลบอากาศร้อนเข้ามาในเขตวิทยาลัยสงฆ์ภาคทักษิณวัดแจ้ง มาชมสถาปัตยกรรมแบบจีนๆกันที่ “เก๋งจีนวัดแจ้ง” เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนแบบเก๋งจีน ก่อสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานที่เก็บอัฐิของเจ้าพระยานคร (หนู) และหม่อมทองเหนี่ยวผู้เป็นชายา และเชื่อว่ารวมถึงพระอัฐิของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชด้วย
       
       วัดใกล้ๆกันอย่างวัดประดู่เองก็มี “เก๋งจีนวัดประดู่” ตั้งอยู่ในบริเวณวัดประดู่ เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนเช่นเดียวกับเก๋งจีนวัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานอัฐิของพระเจ้าพระยานคร (น้อย) ซึ่งเป็นบุตรของเจ้าพระยานคร (หนู) ตั้งหลบมุมเงียบอยู่ภายในวัดประดู่
       
       แม้จะเที่ยวไม่ทั่วเพราะยังเหลือสถานที่อีกหลายแห่งอาทิ วัดวังตะวันตก วัดนางพระยา วัดสวนป่าน ฯลฯ แต่ “ตะลอนเที่ยว” ก็ได้เห็นประจักษ์แล้วว่า “เมืองลิกอร์” แห่งนี้ เป็นเมืองแห่งอารยธรรมเก่าแก่ ของแดนใต้โดยแท้.
       
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       
       สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้เขต 2 สนามหน้าเมือง ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โทร.0-7534-6515-6



พระเครื่องเมืองใต้: ทำบุญไหว้พระ
»พระมหาเจดีย์ชัยมงคล จังหวัดร้อยเอ็ด
23-04-2010
»พระธาตุเชิงชุม
14-04-2010
»พระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน
14-04-2010
»พระธาตุไชยา
14-04-2010
»พระบรมธาตุดอยสุเทพ
14-04-2010
»พระธาตุบังพวน
14-04-2010
»พระธาตุนารายณ์เจงเวง
14-04-2010
»ประวัติพระธาตุดอยตุง
14-04-2010
»วัดพระธาตุลําปางหลวง
14-04-2010
»พระธาตุแช่แห้ง จ. น่าน
13-04-2010
»วัดพระธาตุช่อแฮ
11-04-2010
»ตำนานพระธาตุขามแก่น วัดเจติยภูมิ ตำบลบ้ายขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
13-04-2010
»ประวัติ หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย
21-03-2010
»เบิ่งนครพนมไหว้พระธาตุประจำวันเกิด
14-03-2010
»นมัสการพระธาตุศรีคุณ พระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันอังคาร
14-03-2010
»พระบรมธาตุนครชุม
12-03-2010
»ประวัติพระบรมธาตุ และ วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช
11-03-2010
»พระธาตุนาดูน
11-03-2010
»พระธาตุศรีสองรัก
11-03-2010
»ไหว้พระธาตุเรณู
13-03-2010
»ล่องใต้ ไปแล ‘เมืองลิกอร์’ ณ นครศรีธรรมราช
11-03-2010
»รับขวัญปีใหม่ ไหว้พระงามเมืองบางกอก
11-03-2010
»สืบสานศาสนา นมัสการองค์พระธาตุพนม
14-03-2010
»หลงเสน่ห์ "เมืองแปดริ้ว"
11-03-2010
»ขอพรความรัก จากเทพตรีมูรติ
11-03-2010
»พาเที่ยว ขอพร 9 วัด
11-03-2010
»วันเข้าพรรษา
11-03-2010
»ภาพความงดงามของวัดร่องขุ่น
11-03-2010
»ไหว้พระ ทำบุญ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “9 มหามงคลมรดกโลก”
11-03-2010
»ไหว้พระ 15 วัดทั่วกรุง
11-03-2010
 
------------------------
  หน้าหลัก  
  คำถามที่มีการถามบ่อย  
  เราเล่นพระทำไม ?  
  กฎหมายพระเครื่อง  
  เกร็ดเล็ก-เกร็ดน้อย  
  สมัครเปิดร้านค้า  
  การชำระเงินค่าร้านค้า  
  ความรู้เกี่ยวกับพระเครื่อง  
  ข้อมูลสถิติเกี่ยวกับร้านค้า  
 
หน้าหลัก  อดีตสู่ปัจจุบัน  เว็บบอร์ดชมรม  ตารางประกวดพระ  สาระน่ารู้  เล่าสู่กันฟัง  ติดต่อเรา
Copyright©2024 zoonphra.com
Powered by Tactical IT