เหรียญเจ้าแม่กวนอิมพันเนตรพันกร กะไหล่ทอง ลงยา 3 สี ขอบเขียวและขอบแดง รุ่นประทานพรสมปรารถนา 27-03-2558 เข้าชม : 2354 ครั้ง |
|
[ ชื่อพระ ] เหรียญเจ้าแม่กวนอิมพันเนตรพันกร กะไหล่ทอง ลงยา 3 สี ขอบเขียวและขอบแดง รุ่นประทานพรสมปรารถนา |
[ รายละเอียด ] เจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์ ของพระพุทธศาสนา ฝ่ายมหายาน เป็นองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในภาษาสันสกฤต ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดีย และได้ผสมผสานกับความเชื่อพื้นถิ่นดั้งเดิมของจีน คือตำนานเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน ก่อให้เกิดเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคสตรีขึ้น เพื่อแสดงออกถึงความอ่อนโยน และแสดงถึงความเมตตากรุณาให้เด่นชัดยิ่งขึ้นดังเช่นความรักของมารดาที่มีต่อบุตร ซึ่งเป็นการผสมผสานกลมกลืนทางความเชื่อที่ปราศจากข้อขัดแย้ง เนื่องจากในสัทธรรมปุณฑรีกสูตรได้อธิบายว่า พระอวโลกิเตศวรนั้นสามารถแบ่งภาคเพื่อโปรดสรรพสัตว์ได้มากมายทั้งปางบุรุษและสตรี และเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์มหายานที่เมื่อเข้าไปสู่ดินแดนอื่นทั้งทิเบต จีน หรือญี่ปุ่น ย่อมผสมผสานกลมกลืนได้กับเทพท้องถิ่นนั้น ๆ อย่างในกรณีพระอวโลกิเตศวรนี้ Sir Charles Eliot ได้ตั้งข้อสังเกตว่า "คงเนื่องมาจากความสับสนทางความคิดของชาวจีนในยุคนั้น ซึ่งบูชาเทพเจ้าต่างๆ ของตนอยู่แล้ว และเมี่ยวซ่านก็เป็นเทพวีรชนดั้งเดิมอยู่ก่อน พออารยธรรมพระโพธิสัตว์จากอินเดียแผ่เข้าไปถึง ได้เกิดการผสานทางวัฒนธรรมเปลี่ยนชื่อเสียงคงไว้เพียงแต่คุณลักษณะต่าง ๆ พอให้แยกออกว่าเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์"
พระโพธิสัตว์กวนอิมในตำนานฝ่ายจีน
พระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติ 19 เดือนยี่จีน) ชาติสุดท้ายเป็น ราชธิดานาม เมี่ยวซ่าน เดิมเป็นเทพธิดา มาจุติยังโลกมนุษย์เพื่อมาช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ เป็นราชธิดาองค์สุดท้ายของกษัตริย์ เมี่ยวจวง ซึ่งมีราชธิดา 3 องค์ องค์โตชื่อ เมี่ยวอิม องค์รองชื่อ เมี่ยวหยวน เยาว์วัยเป็นพุทธมามกะ รู้แจ้งในหลักธรรมลึกซึ้ง ตั้งพระทัยแน่วแน่จะบำเพ็ญภาวนา เพื่อหลุดพ้นสังสารวัฏ ออกบวชวันที่ 19 เดือน 9 พระเจ้าเมี่ยวจวงไม่เห็นด้วย จะบังคับให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ อันจอมปลอม แม้จะถูกพระบิดาดุด่าอย่างไร องค์หญิงก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด
ต่อมาองค์หญิงสามได้ถูกขับไปทำงานหนักในสวนดอกไม้ เช่น หาบน้ำ ปลูกดอกไม้ ทั้งนี้เพื่อทรมานให้เปลี่ยนความตั้งใจ แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมด พระบิดาเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล จึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำองค์หญิงสามไปอยู่ที่วัดนกยูงขาว และให้เอางานของแม่ชีทั้งวัดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว แต่องค์หญิงมีพระทัยเด็ดเดี่ยว ไม่เกี่ยงงานการต่างๆ ก็มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก พระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญใช้งานหนัก ก็ยิ่งทรงกริ้วหนักขึ้น สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไป พร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีแต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดชีวิตมาได้
พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต เทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงอยู่ โดยเนรมิตทองทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัว คมดาบของนายทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย ดาบหักถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง จึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก
ทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่งได้นำเจ้าหญิงขึ้นพาดหลังแล้วเผ่นหนีไปที่เขาเซียงซัน ต่อมา เทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเครื่องดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม วันที่ 19 เดือน 6 ข้างฝ่ายพระบิดาเข้าพระทัยว่า เจ้าหญิงถูกเสือคาบไปกินเสียแล้ว จึงไม่ได้ติดใจตามราวีอีก
ต่อมาไม่นานบาปกรรมที่พระองค์ก่อไว้ส่งผล เกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียารักษาให้หายได้ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ มิได้ถือโทษโกรธการกระทำพระบิดาแม้แต่น้อย ทรงได้สละดวงตาและแขนสองข้าง เพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย ว่ากันว่า ภายหลังสำเร็จอรหันต์ ได้ดวงตาและพระกรคืน เคยแสดงปาฏิหารย์เป็นปางกวนอิมพันมือ องค์หญิงเมี่ยวซ่านนั้น ตอนแรกเป็นชาวพุทธ ตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ เหตุนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน
บทสวดมนต์เจ้าแม่กวนอิม
คาถาสวดพระนามพระโพธิสัตต์กวนอิม
นำโม กวงซีอิม ผู่สัก ( 3 หรือ 5 หรือ 9 จบ)
แก้ พระแม่กวนอิมพระมหาโพธิสัตว์
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก ( กราบที่ 1 )
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก ( กราบที่ 2)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก ( กราบที่ 3)
นำโมฮู๊ก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิวโค่ว กิวหลั่ง กวงสี่อิมผู่สัก ทั่งจี้โต โอม เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต เกียออฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ซ่าผ่อออ เทียงล้อซิ้ง ตี่ล้อซิ้ง นั้งลี่หลั่ง หลั่งหลีซิง เจ็กเฉียก ใจเอียง ห่วยอุ่ยติ๊ง นำโมม่อออ ปวกเยี่ยปอล้อบิ๊ก ( กราบ 1 จบ )
ประวัติ พระแม่กวนอิมปางพันมือ
หรือ พระแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกร
เป็นปางหนึ่งของพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
เมื่อประมาณหนึ่งหมื่นปีมาแล้ว เกิดอุทกภัย ครั้งใหญ่ในประเทศจีน ฝนตกหนักน้ำในแม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำวิปโยคท่วมท้น ผู้คนจำนวนมากถูกกระแสน้ำพัดพาไป พุทธศาสนิกชน ได้สวดมนต์วิงวอน พระโพธิสัตว์กวนอิมขอให้ทรงช่วย ทำให้พระองค์ต้องเสด็จลงมาช่วยผู้ที่ถูกน้ำท่วม แต่การมีเพียง สองมือย่อมช่วยไม่ทันเหตุการณ์ พระองค์จึงทรงตั้งจิตอธิษฐาน ว่าขอให้มีพันเนตรพันกร จะได้ช่วยคนได้ครั้งละพันคน
พุทธศาสนิกชนชาวจีน จึงสร้างองค์สมมติพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางพันเนตรพันกรขึ้น องค์สมมติ พระแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกร ที่อุทยานศาสนา ฯ องค์นี้ สร้างในประเทศจีน และสลักด้วยไม้การบูรหอม เป็นองค์ไม้แกะสลักที่สูงใหญ่ที่สุดในโลก
จะสังเกต ได้ว่าแต่ละพระหัตถ์มีพระเนตรอยู่กลางฝ่าพระหัตถ์ อันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง
ความเอื้ออาทรที่จะโปรดสัตว์ผู้อยู่ในห้วงทุกข์อันหาขอบเขตมิได้
สำหรับพระหัตถ์ 1,000 พระหัตถ์นั้น บางพระหัตถ์ทรงถือศาสตราวุธ บางพระหัตถ์ทรงถือคัมภีร์ บางพระหัตถ์ทรงถือลูกประคำ บางพระหัตถ์ทรงถือดอกบัว บางพระหัตถ์ทรง
ถือแก้วจินดามณี บางพระหัตถ์ทรงถือพลองทองประดับหยก บางพระหัตถ์ทรงถือคนโทน้ำทิพย์ บางพระหัตถ์ทรงถือกิ่งหลิว บางพระหัตถ์ทรงประทานพร ล้วนแล้วแต่มีความหมายทั้งสิ้น
ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะบางส่วนที่สำคัญคือ
พระหัตถ์บนสุดทรงถือสุริยัน-จันทรา มีความหมายแทนปัญญา ให้รู้เท่าทันอารมณ์ที่มีกุศล-อกุศล รู้เท่าทันความพอใจ-ไม่พอใจ รู้เท่าทันสุข-ทุกข์ เห็นแจ้งถึงเหตุปัจจัยในธรรมชาติของโลก ซึ่งประกอบด้วยของคู่กัน เช่น มีสว่างก็มีมืด มีดีก็มีชั่ว มีรวยก็มีจน มีหญิงก็มีชาย มีได้ก็มีเสีย ฯลฯ
พระหัตถ์ระหว่างกลางพระวรกายทรงประณมกร มีความหมาย คือ ผู้ที่รู้แท้จริงย่อมมีสัมมาคารวะอ่อนน้อมถ่อมตน เคารพพุทธะและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เคารพสัจธรรม เคารพผู้อาวุโส เคารพฟ้าดิน เคารพความจริงในความดี เคารพสิทธิเสรีภาพของปวงสรรพสัตว์ และเคารพในสิ่งชอบธรรม เพื่อขอขมาในสิ่งต่างๆ ที่เคยล่วงเกินต่อกันด้วยกาย วาจาใจ เป็นการขออโหสิกรรมหมดสิ้นเวรภัย
พระหัตถ์ถัดลงมาทรงโอบอุ้มโลก มีความหมายคือ ผู้รู้ย่อมมีความเมตตากรุณาโดยอุ้มชูสรรพสัตว์ช่วยให้พ้นทุกข์ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยจิตเมตตากรุณา และมีอภัยทาน สังคมใดมีความเมตตากรุณาย่อมมีแต่ความสงบสุขและร่มเย็น
พระหัตถ์ถัดลงมาพระหัตถ์ขวาทรงถือลูกประคำและพระหัตถ์ซ้ายทรงถือเชือก มีความหมายว่า ผู้รู้ย่อมไม่ประมาท ต้องฝึกตนเองอยู่เสมอ ยืดมั่นในศีลธรรมและเจริญสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญา รู้เท่าทันตัณหา รู้เท่าทันความคิดกุศล-อกุศล รู้เท่าทันอารมณ์พอใจไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา อันเป็นการพัฒนาตนเองทุกขณะจิต
พระหัตถ์ทรงถือคันศรและลูกศร มีความหมายคือ ให้มีชีวิตอยู่อย่างมีเป้าหมายปลายทาง มีความแน่วแน่ที่จะข้ามให้พ้นวัฎสงสารแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในทะเลทุกข์
พระหัตถ์ทรงถือคัมภีร์และสมุด มีความหมายว่า ให้ทบทวนศึกษาพระธรรมอยู่เสมอเพราะความจำความรู้ก็เป็น อนิจัง เรียนมาแล้วก็ลืมได้ จึงเพียรพยายามศึกษาทบทวนเสมอ
ส่วนพระหัตถ์อื่นๆ ขออธิบายอย่างย่นย่อ คือ
พระหัตถ์ทรงถือดอกบัว หมายถึงความบริสุทธิ์
พระหัตถ์ทรงถือคนโทน้ำทิพย์ หมายถึงน้ำทิพย์มนต์รักษาโรคและเพื่อประทานพรเสริมสิริมงคลแก่สัตว์โลก
พระหัตถ์ทรงถือพระแสงดาบ หมายถึงปัญญาฆ่ากิเลส
พระหัตถ์ทรงถือพระแสงขวาน หมายถึง ธรรมาวุธปราบมารขจัดความโลภ โกรธ หลง และมิจฉาทิฐิ
พระหัตถ์ทรงถือธรรมจักร หมายถึงทรงรับภาระโกยสัตว์โลกและสืบทอดพระพุทธศาสนา
พระหัตถ์ทรงถือเชือกบ่วงบาศ หมายถึงเครื่องช่วยฉุดสัตว์โลกให้พ้นจากภยันตราย
ทุกพระหัตถ์ที่ทรงถือสิ่งต่างๆนั้น ล้วนเป็น"ปริศธรรม"เพื่อช่วยให้ผู้สักการบูชาพระองค์มีจิตน้อมไปสู่ความศรัทธาเลื่อมใสในพระธรรม ครองตนอยู่ในความดีงาม มีความประพฤติดีปฏิบัติชอบ มีความสำรวม สมาธิมั่นคง กอร์ปไปด้วยปัญญารู้ทันมารอารมณ์และสิ่งที่มากระทบอายตนะ เพื่อบรรลุธรรมความหลุดพ้นในที่สุด
|
[ ราคา ] โทรถาม [ สถานะ ] โชว์พระ
[ติดต่อเจ้าของร้านภูภู95พระเครื่อง] เบอร์โทรศัพท์ : - |