วัตถุมงคล: พระเครื่องอยุธยา,สุพรรณบุรี,อ่างทอง,สิงห์บุรี 
	พระสมเด็จสาริกาลิ้นทอง หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง รุ่นเสาร์ห้า ปี 2536 เนื้อทองผสม  28-06-2559 เข้าชม : 8577  ครั้ง |  
  |  | [ ชื่อพระ ] พระสมเด็จสาริกาลิ้นทอง หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง รุ่นเสาร์ห้า ปี 2536 เนื้อทองผสม |   [ รายละเอียด ] 
พระสมเด็จสาริกาลิ้นทอง หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จ.อ่างทอง รุ่นเสาร์ห้า ปี 2536 เนื้อทองผสม สร้างน้อยหายาก พระเครื่องของท่านมีประสบการณ์มากมาย ทั้งแคล้วคลาด คงกะพัน และเมตตาค้าขาย 
     พระครูวิบูลอาจารคุณ หรือ หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วงเจริญธรรม ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองอ่างทอง มีชื่อเสียงโด่งดัง วิทยาคมเข้มขลัง
     ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2522 ที่วัดนางใน (ธัมมิการาม) มีพระครูสุนทรศีลคุณ (หลวงพ่อชม) เจ้าอาวาสวัดนางใน เป็นพระอุปัชฌาย์  
     พ.ศ.2527 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดม่วง พ.ศ.2529 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลหัวตะ พาน พ.ศ.2530 สอบได้นักธรรมชั้นเอก
     หลวงพ่อเกษม มีความชำนาญด้านเทศนาปาฐกถาธรรม พ.ศ. 2534 ดำรงตำแหน่ง พระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2542 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอวิเศษชัยชาญ
     บั้นปลายชีวิต หลวงพ่อเกษม มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2544 สิริอายุได้ 56 ปี 
     นับเนื่องจนถึงปัจจุบัน สังขารหลวงพ่อเกษม ยังไม่เน่าเปื่อยเป็นที่น่าอัศจรรย์ และได้บรรจุไว้ในโลงแก้ว ตั้งให้สาธุชนได้กราบไหว้สักการะ ณ บริเวณวิหารแก้ว วัดม่วงเจริญธรรม
     
กล่าวได้ว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อเกษมทุกรุ่น ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากบรรดาเซียนพระเครื่องและนักสะสมเหรียญเป็นจำนวนมาก เพราะมีพุทธคุณโดดเด่นเข้มขลังครับ
     ประวัติความเป็นมา วัดม่วง
     เดิมทีวัดม่วงเป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปี พ.ศ. ๒๒๓๐ ณ. แขวงเมืองวิเศษชาญ ซึ่งเคยได้เป็นเมืองหน้าด่าน ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงให้แก่พม่า พม่าได้เผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม และพระพุทธรูปไปเป็นจำนวนมาก สิ่งที่หลงเหลืออยู่ คือ ซากปรักหักพังของวัดวาอาราม และพระพุทธรูป ที่อยู่บนเนินมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก
     เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ท่านพระคูวิบูลอาจารคุณ ( หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ) ได้มาปักกลดธุงดงค์เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้าง จึงน่าปฏิบัติธรรม แต่ขณะปฏิบัติธรรม ได้ปรากฏนิมิต เห็นองค์หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เพราะท่านพระครู เป็นผู้มีบารมี ที่สามารถจะก่อสร้างบูรณะวัดม่วง ขึ้นมาใหม่ได้ด้วย ผู้ที่เคยอาศัยในสมัยก่อนได้มาเกิด และจะมาช่วยท่านแล้ว และในบริเวณวัดร้างนี้จะมีศิลาขาว และศิลาแดงอยู่ คือ องค์ของหลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง นั้นเอง ซึ่งต่อมาท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการปั้นองค์พระครอบศิลาขาว และศิลาแดงไว้ โดยเรียกนามว่า หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง จนถึงปัจจุบันนี้
     ในปีพ.ศ. ๒๕๒๖ ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการเริ่มบูรณะและได้สร้างเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้น โดยได้รับการบริจาค ทั้งเงินทำบุญ และทำบุญด้วยแรงงาน ร่วมกันดำเนินงานในการก่อสร้าง
     จนกระทั้งวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้มีการประกาศยกฐานะให้วัดม่วง ซึ่งเคยเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์
     เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้มีการแต่งตั้งท่านพระครูวิบูลอาจารคุณเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วง ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ. อ่างทอง
     เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ แห่งราชจักรี ได้ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัดม่วง เป็นต้นมา
     ในปีพ.ศ. ๒๕๓๔ ท่านพระวิบูลอาจารคุณ ได้ร่วมพลังจิตอธิฐาน ร่วมกับประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ ได้สมทบทุนสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อน้อมถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ ๙ และราชวงศ์จักรี มีพระนามว่า พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ มีหน้าตักกว้าง ๖๒ ม. สูง ๙๓ ม. มูลค่าในการก่อสร้าง ๑๐๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ( หนึ่งร้อยหกล้านบาท )
     เมื่อวันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ( วันแรม ๑ ค่ำา เดือน ๔ ) ปีมะเมีย เวลา ๙.๐๐ น. ได้วางศิลาฤกษ์ โดยสมเด็จพระโฆษาจารย์ วัดสุวรรณดาราม กทม. เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ) เป็นประธานฝ่ายดำเนินการก่อสร้าง และหาทุน และให้กฤษ์การก่อสร้างได้ดำเนินมา จนสำเร็จใน ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ( วันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ ) รวมเป็นเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น ๑๖ ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ - ๒๕๕๐  
     ปัจจุบันวัดม่วงแห่งนี้ มีเนื้อที่ทั้งหมด ๗๒ ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าว ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้ซื้อรวบรวมได้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ โดยวัตถุประสงค์ เพื่อทำโครงการ ดังต่อไปนี้
     สถานที่ศึกษาพระธรรม พระพุทธศาสนา และปฏิบัติธรรม สำหรับ พระภิกษุสงฆ์ และประชาชน
     สร้างโรงพยาบาลสงฆ์
     ศูนย์จำหน่ายสินค้าศิลปาชีพในโครงการหลวง
     แหล่งท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา แก่ชาวไทย และชาวต่างประเทศ
     
รายนามชื่อเจ้าอาวาส ถึง ปัจจุบัน
     ลำดับที่ ๑
พระครูวิบูลอาจารคุณ ( หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ )
ดำรงตำแหน่ง วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๗
มรณภาพ วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
     ลำดับที่ ๒
พระใบฎีกาบุญเลิศ ทีปธมโม
ดำรงตำแหน่ง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕๔๕
     ลำดับที่ ๓
พระปลัดวินัย วินโย
ดำรงตำแหน่ง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ - ๒๕๔๖
     ลำดับที่ ๔
พระอธิการสุธน สุธมโม
ดำรงตำแหน่ง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ - ปัจจุบัน
     วัดม่วง ตั้งอยู่ที่บ้านหัวตะพาน หมู่ที่ ๖ ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๗ ไร่ ๓๐ ตารางวา อาณาเขตทิศเหนือ ๗๘ เมตร ติดต่อกับที่ดินนายสมพงษ์ เหลืองสีทอง ทิศใต้ยาว ๘๘ เมตร ติดต่อกับที่ดินของนาย ซัน ตะโนรี และนายสมัคร ยิ้มผาสุก ทิศตะวันออกยาว ๑๓๖ เมตร ติดต่อกับที่ดิน นายสมพงษ์ เหลืองสีทอง ทิศตะวันตกยาว ๑๑๐ เมตร ติดต่อกับที่ดินของนางจรูญ ขจรศรี
     พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบ มีถนนเข้าถึงวัด อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มี ศาลาการเปรียญกว้าง สร้างด้วยไม้ หอสวดมนต์กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๑๗ เมตร สร้างด้วยคอนกรีต กุฎิสงฆ์ จำนวน ๗ หลัง เป็นอาคารคอนกรีตและไม้
     วัดม่วง สร้างขึ้นเป็นวัด นับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๒๒๓๐ ต่อมาได้กลายสภาพเป็นวัดร้าง ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศยกขึ้นเป็นวัดที่มีพระสงฆ์ วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๗  
 |   [ ราคา ] ฿600  [ สถานะ ]  ขายแล้ว 
 [ติดต่อเจ้าของร้านเจ้าพระยาพระเครื่อง]  เบอร์โทรศัพท์ : 081-6414009,029243140 ( อ้น ระโนด )  line ID weerapong07  |     |   
 |  
 
 
	| วัตถุมงคล: พระเครื่องอยุธยา,สุพรรณบุรี,อ่างทอง,สิงห์บุรี |  
	 |    |  
  |