[ รายละเอียด ] ควายธนู อาวุธคู่กายของผู้เรืองเวทย์.
นับว่าเป็นชื่อที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน ผู้ที่นิยมการเล่นของทางไสยศาสตร์คงเคยเห็นของจริง หรือไม่ก็ทราบกิตติศัพท์ของควายธนูเป็นอย่างดีควายธนูเป็นศาสตร์ที่น่าจะได้รับอิทธิพลมาจากวิชาวูดูซึ่งเป็นไสยดำของคนป่าชาวแอฟริกา ส่วนควายธนูที่รู้จักในเมืองไทยว่ากันว่านิยมเล่นกันในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา(เขมร) พวกหมอผีเขมร...
เป็นวัตถุอาถรรพณ์ ชิ้นเล็กๆ ที่ท่านผู้ทรงวิชาได้ปั้นขึ้นมา ตามกรรมวิธีอันลี้ลับมีขนาดประมาณเท่าหัวแม่มือ หรือโตกว่านั้นเล็ก น้อยสามารถที่จะนำมาใส่กระเป๋า พกพาไปไหนมาไหน โดยไม่ลำบาก ยากเย็นนัก ถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็ก อย่างนั้นแต่ก็มีอานุภาพเป็นความ อาถรรพณ์ขลังกล้าซ่อนเร้นอยู่ภายใน อย่างมากมายเป็นที่น่าอัศจรรย์ สามารถนำมาใช้ในทางต่างๆ ตาม เจตนาได้อย่างหลากหลายแต่ก็มี อันตรายไม่น้อยสำหรับผู้ที่ ไม่มีวิชา ไม่รู้วิธีป้องกันตัว...
กล่าวกันว่าคนโบร่ำโบราณที่มีวิชาคาถาแก่กล้าคือ เป็นจอมคาถามหาเวท ว่าอย่างนั้นเป็นมีควายธนูพกพาติดตัวทุกคน จากที่ท่านผู้รู้ กล่าวไว้ดังนั้น ย่อมบ่งบอกให้รู้เป็นนัยว่า ควายธนูเป็น วัตถุที่ท่านผู้ทรงวิชาได้สร้างถึงด้วย อำนาจเวทคาถามหามนตร์อันศักดิ์สิทธิ์เป็นทั้งเครื่องรางของขลัง และเป็นเครื่องมือหรืออาวุธที่ร้ายกาจอย่าง หนึ่งของผู้ทรงเวทแก่กล้าชำนาญการ ทางไสยเวทวิทยาที่มีอานุภาพเป็น ที่น่าเกรงขาม หรือจะกล่าวว่าเป็น สัตว์เลี้ยงของผู้แก่กล้ามนตราไสยศาสตร์ก็ว่าได้! ...
ด้วยข้อสังเกตที่ว่านั้นแสดงให้ได้ทราบอีกว่าการที่จะบูชาควายธนูมี ควายธนูเป็นสัตว์เลี้ยงไว้ในครอบ ครองควรที่จะต้องมีวิชาคาถาอาคม เป็นความรู้อยู่กับตนด้วยเพราะหาก ไม่มีวิชากำกับเพื่อข่มอาถรรพณ์ไว้ ปกป้องคุ้มครองตน ตามสมควรแล้ว ก็ไม่แน่นักว่า จะสามารถควบคุมบงการควายธนูให้อยู่ในบังคับบัญชา และทำตามที่สั่งได้ทุกอย่าง จึงเป็นสิ่งที่ควรตระหนักเป็นข้อควรพิจารณาของบรรดาผู้ที่นิยมชมชอบสะสมวัตถุมงคลของขลังวัตถุอาถรรพณ์ ต่างๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง ...
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือผู้ ที่สร้างควายธนูนี้น่าที่จะเป็นครูบาอาจารย์ฆราวาส เป็นชาวบ้าน ผู้เรืองเวทในวิชาไสยศาสตร์มากกว่า บรรพชิตนักบวชซึ่งเป็นผู้ทรงศีลทรง ธรรมเพราะมีเจตนามุ่งเน้นเป็นวัตถุ ทรงอาคมที่มีไว้สำหรับป้องกันตัว และทำลายล้างคู่อริศัตรูที่คิดปองร้ายเป็นสำคัญ นั้นคือจะนิยมใช้ควายธนูปล่อยไปทำร้ายได้อย่างฉมัง เรียกว่าเป็นวิชามารก็คงไม่ผิดความจริงนัก ...
ควายธนูจึงเป็นอาวุธที่ร้ายแรง ที่สำคัญคือไม่สามารถทำลายหรือล้มมันได้ด้วยวัตถุธรรมดาๆ นอกจากจะแก้ด้วยเวทวิทยาอาคมที่แข็งกว่าเท่านั้น แต่ควายธนูเป็นสัตว์อาคมที่คนเลี้ยงต้องคุมให้เชื่องเพราะอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเจ้าของได้เหมือนกันคนโบราณที่มีวิชาอาคมจะต้องมีควายธนูไว้เป็นเครื่องป้องกันตัวหรือไม่ก็ทำลายล้างศัตรู ..
สำหรับเรื่องวัวธนู หรือควายธนูนี้มีพระเกจิอาจารย์หลายๆท่านในยุคโบราณกว่า เมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้วได้สร้างขึ้นมา พอที่จะหลงเหลืออยู่บ้าง อย่างหลวงพ่อน้อยวัดศีรษะทอง ท่านก็สร้างวัวธนูเอาไว้ ซึ่งในปัจจุบัน วัวธนู ควายธนูเหล่านี้นับได้ว่าเป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยากเต็มที ..
สำหรับควายธนูของภาคใต้นั้นก็จะกล่าวได้ว่ามีเพียงหนึ่งเดียวที่สร้างเอาไว้ และคนที่สร้างอยู่อยู่ในเพศบรรพชิตนักบวช เป็นผู้เรืองเวทในวิชาไสยศาสตร์ท่านหนึ่งของภาคใต้เลยก็ว่าได้วิชาอาคมหยุดกระสุนปืน และป้องกันศาสตราวุธต่างๆเป็นที่ยอดรับว่าท่านเป็นยอดไม่เป็นรองใครในใต้ล่า ด้ามขวานทอง แถมท่านยังได้ชื่อว่าเป็น เทพเจ้าเหล็กไหล เหรียญรุ่นแรกจัดได้ว่าเป็นเหรียญหยุดกระสุนของจริง และในเรื่องวิชาไสยศาสตร์ทางด้านขาว ก็ไม่เป็นรองเช่นเดียวกันนอกจากควายธนู ที่เป็นหนึ่งเดียวที่ท่านสร้าง เพราะนอกจากนั้นก็ไม่มีปรากฏว่าเกจิสงฆ์ท่านใดสร้างเอาไว้อีก นอกจากศิษย์รุ่นหลังของทางวัดยังคงดำรงค์วิชาสร้างควายธนูของท่านเอาไว้
ที่ผมกล่าวว่านอกจากควายธนูยังปรากฏว่าท่านได้สร้าง พลายคู่(พรายกระซิบ)ซึ่งหายากยิ่งเพราะท่านจะสร้างให้ลูกศิษย์ที่รับราชการหรือที่มีปัญหาทางด้านค้าขาย โดยทำให้ก็ต้องรับกับมือของท่าน ความเป็นเลิศทางด้านวิชาไสยศาสตร์ ทำให้ท่านขุนพันธิ์ (ผู้พันหนังเหนียว ที่เรารู้จักทั่วประเทศ) ยังเดินทางมาขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์และรับใช้ผู้เรืองเดชท่านนี้อย่างจริงจังและทุกครั้งที่เกจิอาจารย์ท่านนี้สร้างวัตถุมงคล เพราะด้วยสาเหตุอย่างเดียวคือ พุทธคุณที่ได้จากพระเวทคาถาเหล่านั้น มีพลังและลึกซึ่งเป็นอย่างมากทำให้ขุนพันธิ์ตระหนักถึงมูลเหตุอันนี้อย่างแท้จริงนั้นเอง...
เกจิสงฆ์ที่ผมกล่าวมานั้นคือ หลวงปู่จันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ อ.เชียรใหญ่ จ.นครฯ นั้นเอง
|