[ รายละเอียด ] ประวัตินายขนมต้ม
นายขนมต้ม เกิดวันอังคาร เดือนยี่ ปีมะเมีย พ.ส. ๒๒๙๓ ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่บ้านกุ่ม (ปัจจุบันคือ ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) บิดาชื่อนายเกิด มารดาชื่อนางอี่ มีพี่น้อง ๒ คนคือ ๑.นางเอื้อย ถูกพม่าฆ่าตายเมื่อเล็กๆ ๒.นายขนมต้ม
นายขนมต้มต้องอยู่วัดตั้งแต่เล็กๆ อายุประมาณ ๑๐ ขวบ พ่อแม่ถูกพม่าฆ่าตายหมด และเริ่มฝึกวิชามวยไทย ตั้งแต่เริ่มแตกหนุ่ม จนในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ กรุงศรีอยุธยาต้องเสียแก่พม่า จึงถูกกวาดต้อนไปเมืองพม่า
นายขนมต้มได้สร้างชื่อเสียงให้กับกรุงศรีอยุธยาและชาติไทย โดยอาศัยความสามารถในเชิงหมัดมวย ดังข้อความตอนหนึ่งว่า...
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เรามีนักมวยไทย คือ นายขนมต้ม ออกไปแสดงฝีไม้ลายมือถึงเมืองพม่า การชกมวยของนายขนมต้มนั้น ทางวงการมวยของเราได้ถือเป็น"วันนักมวย" คือ วันที่ ๑๗ มีนาคม ในพงศาวดารกล่าวว่า เมื่อพระเจ้าอังวะโปรดให้ปฏิสังขรณ์และก่อเสริมพระเจดีย์เกศธาตุในเมืองร่างกุ้งเป็นการใหญ่นั้น ครั้นงานสำเร็จลงในปี พ.ศ.๒๓๑๗ พอถึงวันฤกษ์งามยามดี คือวันที่ ๑๗ มีนาคม จึงโปรดให้ทำพิธียกฉัตรใหญ่ขึ้นไว้บนยอดเป็นปฐมฤกษ์ แล้วได้ทรงเปิดงานมหกรรมฉลองอย่างมโหฬาร
ขุนนางพม่ากราบทูลว่า "นักมวยไทยมีฝีมือดียิ่งนัก" พระเจ้าอังวะจึงตรัสสั่งให้เอาตัว นายขนมต้มนักมวยดีมีฝีมือตั้งแต่ครั้งกรุงเก่ามาถวาย พระเจ้าอังวะได้ให้จัดมวยพม่าเข้ามาเปรียบ (ชก) กับนายขนมต้ม โดยจัดให้ชกต่อหน้าพระที่นั่ง ปรากฏว่านายขนมต้มชกพม่าไม่ทันถึงยกก็แพ้ถึงเก้าคนสิบคนก็สู้ไม่ได้ พระเจ้าอังวะทอดพระเนตรยกพระหัตถ์ตบพระอุระตรัสสรรเสริญนายขนมต้มว่า "ไทยมีพิษทั่วตัว แม้แต่มือเปล่าไม่มีอาวุธเลย สู้ได้คนเดียวชนะถึงเก้าคนสิบคน" ฉะนั้นวันมีชัยของนายขนมต้ม คือวันที่ ๑๗ มีนาคม จึงถือเป็นวันเกียรติประวัติของนักมวยไทย
สำหรับชาวพระนครศรีอยุธยา ได้สำนึกในบุญคุณของนายขนมต้มและถือเป็นเกียรติศักดิ์คนดีศรีอยุธยา จึงได้พร้อมใจกันสร้าง"อนุสาวรีย์นายขนมต้ม" ไว้ที่บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นอนุสติเตือนใจและให้ลูกหลานไทยยึดถือเป็นแบบอย่างสืบไป.
ตำนานมวยไทย
มวยไทยนั้นมีมาพร้อมกับคนไทย เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทยมาช้านาน ในสมัยโบราณประเทศไทยมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ จึงมีการสู้รบกันอยู่เสมอ ๆ ดังนั้นชายไทยจึงนิยมฝึกมวยไทยควบคู่กับการฝึกอาวุธ ต่อมาได้วิวัฒนาการจนกลายเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น มีลีลาการเคลื่อนไหวที่สวยงามแฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่งดุดัน สามารถฝึกเพื่อป้องกันตนเอง เพื่อความแข็งแรงของร่างกาย และเพื่อเป็นอาชีพได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
สมัยกรุงสุโขทัยเริ่มประมาณ พ.ศ.1781-1951 รวมระยะเวลา 140 ปี ชายหนุ่มในสมัยกรุงสุโขทัยมักจะฝึกมวยไทยกันทุกคน เพื่อเสริมลักษณะชายชาตรี เพื่อศิลปะป้องกันตัว เพื่อเตรียมเข้ารับราชการทหารและถือเป็นประเพณีอันดีงาม ในสมัยนั้นจะฝึกมวยไทยตามสำนักที่มีชื่อเสียง เช่นสำนักสมอคอน แขวงเมืองลพบุรี นอกจากนี้ยังมีการฝึกมวยไทยตามลานวัดโดยพระภิกษุอีกด้วย
สมัยกรุงศรีอยุธยา เริ่มประมาณ พ.ศ.1988-2310 รวมระยะเวลา 417 ปี สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ.2133-2147) พระองค์ทรงตั้ง กองเสือป่าแมวมอง เป็นหน่วยรบแบบกองโจร โดยฝึกให้มีความกล้าหาญ มีความสามารถในศิลปการต่อสู้มมวยไทยอย่างดีเยี่ย สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2147-2233) มวยไทยนั้นนิยมกันมากจนกลายเป็นกีฬาอาชีพ มวยไทยสมัยนี้ชกกันบนลานดิน โดยใช้เชือกเส้นเดียวกั้นบริเวณเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส นักมวยจะใช้ด้ายดิบชุบแป้งหรือน้ำมันดิน จนแข็งพันมือ เรียกว่า คาดเชือก หรือมวยคาดเชือก ในงานเทศกาลต่างๆต้องมีการจัดแข่งขันมวยไทยด้วยเสมอ
สมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ (พ.ศ.2240-2252) พระองค์ทรงโปรดการชกมวยไทยมาก นอกจากนี้พระองค์ทรงฝึกฝนให้เจ้าฟ้าเพชรและเจ้าฟ้าพร พระราชโอรสให้มีความสามารถในด้านมวยไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พระมหากษัตริย์ทรงโปรดให้มีกรมมวยหลวงขึ้น โดยให้คัดเลือกเอาชายฉกรรจ์ที่มีฝีมือในการชกมวยไทยเข้ามาต่อสู้กันหน้าพระที่นั่ง แล้วคัดเลือกผู้มีฝีมือเลิศไว้เป็นทหารสนิท และทหารรักษาพระองค์ เรียกว่า "ทนายเลือก" สังกัดกรมมวยหลวง มีหน้าที่รักษาความปลอดภัย ภายในพระราชวังหรือตามเสด็จในงานต่างๆ ทั้งยังเป็นครูฝึกมวยไทยให้ทหารและพระราชโอรสอีกด้วย สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายหลังจากพ่ายแพ้แก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 พ.ศ.2310 มีนักมวยที่มีชื่อเสียง 2 คน ดังนี้
1.นายขนมต้ม เป็นเชลยไทยที่ถูกกวาดต้อนไปครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก ครั้งที่ 2 กษัตริย์พม่าทรงตรัสให้จัดหานักมวยไทยฝีมือดี มาเปรียบกับนักมวยพม่า แล้วให้ชกกันหน้าพระที่นั่ง ในวันที่17มีนาคม พ.ศ.2317 ซึ่งนายขนมต้มชกชนะนักมวยพม่าถึง 10 คน ดังนั้นนายขนมต้มจึงเปรียบเสมือน"บิดามวยไทย" และวันที่ 17 มีนาคม ถือว่าเป็นวันมวยไทย 2.พระยาพิชัยดาบหัก (พ.ศ.2284-2325) เดิมชื่อจ้อย เป็นคนเมืองพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ มี ความรู้ความสามารถเชิงกีฬามวยไทยมาก ในปี พ.ศ.2314 พม่ายกทัพมาตีเชียงใหม่แล้วเลยมาตี เมืองพิชัย พระยาพิชัยนำทหารออกสู้รบ การรบถึงขั้นตลุมบอน จนดาบหักทั้งสองข้าง จึงได้นามว่า "พระยาพิชัยดาบหัก"
สมัยกรุงธนบุรีเริ่ม พ.ศ.2310-2324 ระยะเวลา 14 ปี ในยุคนี้มีนักมวยฝีมือดีมากมาย เช่น นายเมฆบ้านท่าเสา นายเที่ยงบ้านเก่ง นายห้าวแขวงเมืองตาก นายนิลทุ่งยั้ง นายถึกศิษย์ครูนิล ส่วนนักมวยไทยที่เป็นทนายเลือกของพระเจ้าตากสินได้แก่ หลวงพรหมเสนา หลวงราชเสน่หา ขุนอภัยภักดี นายหมึก นายทองดี ฟันขาว หรือพระยาพิชัยดาบหัก
กีฬามวยไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4 พ.ศ.2325-2411 ระยะเวลา 86 ปี สมัยรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (พ.ศ.2325-2352) พระองค์ทรงฝึกหัดมวยไทยมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และทรงสนพระทัยในการเสด็จทอด พระเนตรการแข่งขันชกมวยไทยอยู่เสมอ สมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ.2352-2367) เมื่อทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงฝึกมวยไทยจากสำนักวัดบางหว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม) จากสมเด็จพระวันรัต (ทองอยู่) ซึ่งเคยเป็นแม่ทัพเก่า อีกทั้งทรงโปรดให้สร้างสนามมวยที่สนาม หญ้าบริเวณวังหลัง และทรงเปลี่ยนคำว่า "รำหมัด รำมวย" มาเป็น "มวยไทย) สมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ.2411-2453) พระองค์โปรด กีฬามวยไทยมาก เสด็จทอดพระเนตรการชกมวยหน้าพระที่นั่งเสมอ จึงตรัสให้มีการจัดแข่งขันมวย ไทยขึ้นทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความนิยมกีฬาไทยมากขึ้น นอกจากนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มี "มวยหลวง" ตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อทำหน้าที่ฝึกสอน จัดการแข่งขัน และควบคุมการแข่งขันมวย ไทย เมื่อมีงานพระราชพิธีต่างๆ มีนักมวยฝีมือดีจากต่างจังหวัดหลายคนชกชนะคู่ต่อสู้ได้รับพระราชทาน"หมื่น"ดังนี้
1. หมื่นมวยมีชื่อ คือ นายปล่อง จำนงทอง |
2. หมื่นมวยแม่นหมัดคือ นายกลิ้ง |
3. หมื่นชงัดเชิงชก คือ นายแดง ไทยประเสริฐ สมญานามว่า "หมัดเหวี่ยงควาย" |
ดูคลิปวิดีโอมวยไทย บัวขาวพ่อประมุขสุดยอดมากมันส์สะใจเก่งมากๆครับ ฝีมือขั้นเทพจริงๆ
|